รถตู้ที่รับส่งพนักงานต้องเป็นป้ายทะเบียนแบบไหน?
รถตู้ที่รับส่งพนักงานต้องเป็นป้ายทะเบียนแบบไหน?
รถตู้ที่ใช้รับส่งพนักงานโดยทั่วไปจะต้องเป็น ป้ายทะเบียนสีเหลือง ตัวอักษรสีดำ ซึ่งเป็นป้ายสำหรับรถโดยสารสาธารณะ หรือ ป้ายทะเบียนสีขาว ตัวอักษรสีดำ สำหรับรถตู้โดยสารส่วนบุคคลที่มีที่นั่งเกิน 7 ที่นั่ง และใช้ในกิจการขององค์กร (เช่น รับส่งพนักงานของบริษัท) แต่ไม่ใช่การรับจ้างทั่วไปที่เก็บค่าโดยสารจากบุคคลภายนอก
รายละเอียดของป้ายทะเบียนที่เกี่ยวข้อง :
-
ป้ายทะเบียนสีเหลือง ตัวอักษรสีดำ :
- ใช้สำหรับรถโดยสารสาธารณะ ทั้งแบบประจำทาง (หมวดนำหน้า 10-19) และไม่ประจำทาง (หมวดนำหน้า 30-35)
- ถ้าบริษัทจ้างรถตู้ภายนอกมารับส่งพนักงาน หรือมีการเก็บค่าโดยสารจากพนักงาน (ถึงแม้จะอยู่ในบริษัทเดียวกัน) มักจะต้องใช้ป้ายเหลือง เนื่องจากเป็นการให้บริการรับจ้างขนส่ง
- รถตู้ป้ายเหลืองต้องมีใบอนุญาตประกอบการขนส่ง และคนขับต้องมีใบขับขี่สาธารณะ
-
ป้ายทะเบียนสีขาว ตัวอักษรสีดำ :
- สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีที่นั่งเกิน 7 ที่นั่ง (เช่น รถตู้) ซึ่งใช้ในกิจการขององค์กร (หมวดนำหน้า 40-49)
- หากบริษัทมีรถตู้เป็นของตัวเองและใช้ในการรับส่งพนักงานของบริษัทโดยไม่เก็บค่าโดยสารจากพนักงานโดยตรง ถือเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ใช้ในกิจการขององค์กร สามารถใช้ป้ายขาวตัวอักษรสีดำได้
- อย่างไรก็ตาม ควรตรวจสอบข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบกให้แน่ใจอีกครั้ง เนื่องจากบางกรณีอาจมีข้อกำหนดเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานที่ละเอียดอ่อน
สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา :
- ลักษณะการใช้งาน : หากเป็นการรับส่งพนักงานในลักษณะ "รับจ้าง" หรือมีการเก็บค่าบริการ (ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม) มักจะเข้าข่ายเป็นรถโดยสารสาธารณะและต้องใช้ ป้ายเหลือง
- ความเป็นเจ้าของรถ : หากเป็นรถของบริษัทเอง และใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการอำนวยความสะดวกแก่พนักงานโดยตรง โดยไม่มีการแสวงหากำไรจากการขนส่ง อาจสามารถใช้ ป้ายขาวตัวอักษรดำ ได้
ขั้นตอนการจดทะเบียนรถตู้
ขั้นตอนการจดทะเบียนรถตู้ ไม่ว่าจะเป็นป้ายเหลือง (รถโดยสารสาธารณะ) หรือป้ายขาวตัวอักษรดำ (รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง) จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้ :
I. กรณีจดทะเบียนรถตู้ป้ายเหลือง (รถโดยสารสาธารณะ)
การจดทะเบียนรถตู้เพื่อใช้เป็นรถโดยสารสาธารณะ (ป้ายเหลือง) มีความซับซ้อนกว่า เนื่องจากต้องขออนุญาตประกอบการขนส่งด้วย ขั้นตอนหลักๆ มีดังนี้ :
-
การขอใบอนุญาตประกอบการขนส่ง :
- คุณสมบัติ : ผู้ยื่นต้องมีคุณสมบัติตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด เช่น มีฐานะการเงินที่มั่นคง มีสถานที่จอดรถที่เพียงพอ (ตามจำนวนรถที่ขออนุญาต) มีความพร้อมด้านบุคลากรและระบบการจัดการ
- เอกสารประกอบ:ยื่นเรื่อง : ยื่นคำขอพร้อมเอกสารที่กรมการขนส่งทางบก (สำนักงานขนส่งในพื้นที่ที่ประสงค์จะประกอบการ)
- คำขออนุญาตประกอบการขนส่ง
- หลักฐานแสดงฐานะการเงิน (เช่น งบการเงิน, บัญชีธนาคาร)
- หลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์หรือสิทธิการใช้ที่จอดรถ
- แผนผังแสดงบริเวณที่จอดรถ ทางเข้า-ออก
- เอกสารเกี่ยวกับผู้บริหารและพนักงานขับรถ
- แผนการเดินรถ (ถ้าเป็นการขนส่งประจำทาง)
- เอกสารอื่นๆ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด
-
เตรียมรถและเอกสารรถ :
- ตัวรถ : รถตู้ที่จะนำมาจดทะเบียนต้องเป็นรถใหม่ หรือรถที่ผ่านการดัดแปลงสภาพให้ถูกต้องตามมาตรฐานที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดสำหรับรถโดยสารสาธารณะ (เช่น จำนวนที่นั่ง, ประตูฉุกเฉิน, อุปกรณ์ความปลอดภัย)
- เอกสารรถ :
- สัญญาซื้อขาย/ใบเสร็จรับเงินค่ารถ
- หนังสือรับรองหลักฐานการส่งบัญชีรับและจำหน่ายรถ (กรณีรถใหม่)
- ใบรับรองการตรวจสภาพรถจากบริษัทผู้ผลิต/ผู้ประกอบรถ
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีมอบให้ผู้อื่นดำเนินการ)
-
นำรถเข้าตรวจสภาพ :
- เมื่อได้รับความเห็นชอบในหลักการจากกรมการขนส่งทางบกแล้ว ให้นำรถตู้ที่เตรียมไว้เข้าตรวจสภาพที่สถานีตรวจสภาพรถของกรมการขนส่งทางบก
- เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้องของตัวรถ การติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ และความปลอดภัยตามข้อกำหนดสำหรับรถโดยสารสาธารณะ
- หากผ่านการตรวจสภาพ จะได้รับเอกสารรับรองการตรวจสภาพรถ
-
ยื่นจดทะเบียนรถยนต์รับจ้างสาธารณะ :
- เอกสารที่ต้องใช้ : ยื่นเรื่อง : ยื่นเอกสารทั้งหมดที่ส่วนทะเบียนรถยนต์ของกรมการขนส่งทางบก
- คำขอจดทะเบียนรถ
- ใบรับรองการตรวจสภาพรถ (ที่ได้จากข้อ 3)
- เอกสารหลักฐานของเจ้าของรถ (นิติบุคคล: หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล, บัตรประชาชนกรรมการผู้มีอำนาจ)
- เอกสารหลักฐานของตัวรถ (ตามข้อ 2)
- หลักฐานการได้มาของรถ
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
- ชำระค่าธรรมเนียม : ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน, ค่าแผ่นป้ายทะเบียน, ค่าภาษีประจำปี (คำนวณตามประเภทรถและน้ำหนัก)
- รับป้ายทะเบียนและใบคู่มือจดทะเบียน : เมื่อดำเนินการครบถ้วน จะได้รับป้ายทะเบียนสีเหลือง และใบคู่มือจดทะเบียนรถ (เล่มทะเบียน)
- เอกสารที่ต้องใช้ : ยื่นเรื่อง : ยื่นเอกสารทั้งหมดที่ส่วนทะเบียนรถยนต์ของกรมการขนส่งทางบก
II. กรณีจดทะเบียนรถตู้ป้ายขาวตัวอักษรดำ (รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง)
หากรถตู้ใช้ในกิจการส่วนตัวของบริษัทเพื่อรับส่งพนักงานโดยไม่มีการเก็บค่าโดยสารโดยตรงจากพนักงาน (ไม่ถือเป็นการรับจ้างขนส่ง) สามารถจดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่งได้ (รย.2) ซึ่งขั้นตอนจะคล้ายกับการจดทะเบียนรถยนต์ทั่วไป แต่มีข้อกำหนดเรื่องจำนวนที่นั่งและภาษีสรรพสามิตเข้ามาเกี่ยวข้อง :
-
เตรียมเอกสารรถ :
- สัญญาซื้อขาย/ใบเสร็จรับเงินค่ารถ
- หนังสือรับรองหลักฐานการส่งบัญชีรับและจำหน่ายรถ (กรณีรถใหม่)
- ใบรับรองการตรวจสภาพรถจากบริษัทผู้ผลิต/ผู้ประกอบรถ
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีมอบให้ผู้อื่นดำเนินการ)
-
เอกสารของบริษัท/เจ้าของรถ :
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (พร้อมวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถ)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม
- สำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม
- สำเนาใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20)
- กรณีรถตู้เกิน 7 ที่นั่ง (โดยเฉพาะรถตู้ที่ไม่ได้มีจำนวนที่นั่งตามมาตรฐาน 11 หรือ 15 ที่นั่ง) อาจต้องมีหนังสือชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการใช้รถ และแผนผังแสดงที่จอดรถด้วย (กรณีรถตู้บางรุ่นที่ผู้ผลิตระบุจำนวนที่นั่งไม่เกิน 12 ที่นั่ง และมีการจัดวางที่นั่งที่ถูกต้องตามประกาศขนส่ง อาจไม่ต้องขอความเห็นชอบเพิ่มเติม แต่ควรตรวจสอบกับขนส่งอีกครั้ง)
-
นำรถเข้าตรวจสภาพ :
- นำรถเข้าตรวจสภาพที่สถานีตรวจสภาพรถของกรมการขนส่งทางบก (ขนส่งจังหวัด/ขนส่งพื้นที่)
- เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้องของตัวรถ หมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขตัวถัง และจำนวนที่นั่ง
-
ยื่นจดทะเบียน :
- เอกสารที่ต้องใช้ : ยื่นเรื่อง : ยื่นเอกสารทั้งหมดที่ส่วนทะเบียนรถยนต์ของกรมการขนส่งทางบก
- คำขอจดทะเบียนรถ
- ใบรับรองการตรวจสภาพรถ
- เอกสารหลักฐานของบริษัท/เจ้าของรถ (ตามข้อ 2)
- เอกสารหลักฐานของตัวรถ (ตามข้อ 1)
- หลักฐานการได้มาของรถ
- หนังสือมอบอำนาจ (ถ้ามี)
- ชำระค่าธรรมเนียม : ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน, ค่าแผ่นป้ายทะเบียน, ค่าภาษีประจำปี (สำหรับรถตู้ส่วนบุคคลที่มีที่นั่งเกิน 7 ที่นั่ง อาจมีภาษีสรรพสามิตเพิ่มเติม)
- รับป้ายทะเบียนและใบคู่มือจดทะเบียน : เมื่อดำเนินการครบถ้วน จะได้รับป้ายทะเบียนสีขาวตัวอักษรดำ และใบคู่มือจดทะเบียนรถ (เล่มทะเบียน) โดยในเล่มทะเบียนจะระบุประเภทรถเป็น "รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน (รย.2)"
- เอกสารที่ต้องใช้ : ยื่นเรื่อง : ยื่นเอกสารทั้งหมดที่ส่วนทะเบียนรถยนต์ของกรมการขนส่งทางบก
ข้อควรทราบและคำแนะนำเพิ่มเติม :
- ระยะเวลา : ขั้นตอนการจดทะเบียนรถตู้โดยเฉพาะป้ายเหลือง อาจใช้เวลาค่อนข้างนาน ตั้งแต่การขออนุญาตประกอบการขนส่งไปจนถึงการจดทะเบียนรถ
- ตรวจสอบข้อกำหนด : ข้อกำหนดและเอกสารอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดกับกรมการขนส่งทางบก (สำนักงานขนส่งในพื้นที่) โดยตรง หรือโทร 1584 ก่อนดำเนินการ
- ดัดแปลงสภาพ : หากมีการดัดแปลงสภาพรถตู้จากสภาพเดิม (เช่น เพิ่ม/ลดที่นั่ง) ต้องแจ้งและขออนุญาตดัดแปลงสภาพรถก่อนการจดทะเบียน
- ภาษี : รถตู้โดยสารสาธารณะและรถตู้ส่วนบุคคลมีอัตราภาษีประจำปีที่แตกต่างกัน รวมถึงภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีจำนวนที่นั่งและการดัดแปลงสภาพที่แตกต่างกัน
- ประกันภัย : ต้องทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และควรพิจารณาทำประกันภัยภาคสมัครใจเพิ่มเติม
- ใบขับขี่ : คนขับรถตู้โดยสารสาธารณะต้องมีใบอนุญาตขับขี่สาธารณะ ส่วนคนขับรถตู้ส่วนบุคคล (รย.2) ใช้ใบอนุญาตขับขี่ประเภท 2 ขึ้นไป